อยากเก่งภาษาอังกฤษต้องทำอย่างไร?





                 หลายคนชอบถามว่า "อยากเก่งภาษาอังกฤษต้องทำอย่างไร" ส่วนตัวแล้วก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรเบอร์นั้น แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็ก เลยมีความสนใจ ฝึกฝน เรียนรู้ อยู่เสมอ คิดว่านี่อาจจะเป็นข้อดีอย่างหนึ่งในการเรียนภาษา เพราะเมื่อมีความสนใจเราจะมีแรงผลักดันในการเรียน กระตือรือร้นในการฝึกฝน ใฝ่หาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ และสนุกกับการฟัง พูด อ่าน เขียน

                  เทคนิคส่วนตัวที่พอจะบอกได้สำหรับผู้ที่สนใจอยากจะเป็นภาษาอังกฤษนั้นคือ (ขอใช้คำว่า "เป็นภาษาอังกฤษ" แล้วกันเพราะไม่แน่ใจว่าคำแนะนำนี้จะช่วยให้ "เก่ง" ได้ไหม)


1. ฟังเยอะๆ

                  ทักษะการฟัง เป็นทักษะที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการสื่อสารพูดคุยได้ การฟังเยอะๆจะช่วยให้เราชินกับภาษา ชินกับสำเนียง และสามารถพูดคุยโต้ตอบกับเจ้าของภาษาได้ บางคนอาจจะถามว่า จะไปฟังที่ไหนล่ะ แถวบ้านไม่มีฝ.สักคน แน่นอนว่าการฝึกภาษาที่ดีที่สุด คือ การฝึกกับเจ้าของภาษา แต่ก็ใช่ว่าไม่มีเจ้าของภาษาแล้วจะฝึกไม่ได้ มีสื่อมากมายที่เป็นตัวช่วยสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกทักษะการฟัง ตัวผู้เขียนเองไม่เคยใช้สื่อการฟังที่เป็นสื่อที่ผลิตขึ้นมาเพื่อการฝึกฝน ทักษะการฟังโดยเฉพาะ ตรงนี้อาจจะไม่มีคำแนะนำ แต่ส่วนตัวแล้วจะอาศัยการดูภาพยนตร์ ดูซีรี่ ฟังข่าว ฟังเพลงภาษาอังกฤษ ดูด้วยความชอบ ดูด้วยความสนุกสนาน ไม่เคยรู้สึกว่ามันคือการเรียน ดูไปก็พูดตามไป ได้ทักษะการพูดอีกด้วย 

2. ฝึกพูดบ่อยๆ

                   ทักษะการพูด เป็นทักษะที่สำคัญที่สุดในการเรียนภาษา เพราะอาจจะถือว่าเป็นทักษะที่จำเป็นต้องใช้มากที่สุดควบคู่กับทักษะการฟัง การดูภาพยนตร์ ดูซีรี่ย์ ฟังข่าวภาษาอังกฤษตามข้อ 1 จะช่วยให้ได้ทั้งทักษะการฟังและการพูด นอกจากว่าจะดูอย่างเดียวไม่เคยพูดตามเลย และหากมีโอกาสได้พูดกับเจ้าของภาษาหรือผู้ที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารก็จะ ดีมาก หรือถ้าไม่มีจริงๆ ก็อาจจะฝึกพูดกับเพื่อนหรือคนใกล้ตัว อย่ากลัวใครจะมองว่ากระแดะ ถ้ากลัวก็จะไม่มีวัน "เป็น" หรือถ้าไม่กล้าจริงๆ ก็พูดกับตัวเองก็ได้ ผู้เขียนนี่เป็นประจำ พูดกับตัวเอง หน้ากระจก หน้าทีวี ดูหนัง ดูซีรี่ย์ไปก็พูดตามไป สนุกออก 

                   เพราะหัวใจสำคัญของการฝึกพูดภาษาใดๆก็ตาม ก็คือ การเลียนแบบเจ้าของภาษา เลียนแบบสำเนียง เลียนแบบการออกเสียง เลียนแบบการพูด บางคนอาจจะคิดว่าเรากระแดะ แต่เชื่อเถอะ ถ้าไปพูดกับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เราจะเป็นคนปกติคนนึง แต่การพูดภาษาอังกฤษสำเนียงไทยกับคนที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร เราจะกลายเป็นคนไม่ปกติทันทีในสายตาเค้า ก็เหมือนเวลาต่างชาติพูดไทยเหน่อๆ เดาเอาว่าประมาณนั้น

3. หมั่นอ่าน
                 การอ่านเยอะๆ จะช่วยให้เราได้พัฒนาทักษะในการอ่าน ได้ฝึกการจับใจความ การทำความเข้าใจเนื้อหา บวกกับได้การเขียนไปด้วยในตัว และการอ่านเยอะๆ ยังช่วยให้เราได้ฝึกการออกเสียง โดยเฉพาะเมื่อเราอ่านแบบเปล่งเสียงออกมา มันจะมีส่วนช่วยเราในการออกเสียงเวลาพูดได้อีกด้วย 

                 บางคนถามว่าจะหาตำราภาษาอังกฤษอ่านได้ที่ไหน หนังสือภาษาอังกฤษน่าเบื่อจะตาย อ่านยาก อ่านไม่ออก ไม่อยากอ่าน เราไม่จำเป็นต้องอ่านเฉพาะที่เป็นตำราก็ได้ อ่านอะไรก็ได้ จะหนังสือพิมพ์ การ์ตูน นิตยสาร หรืออะไรก็ได้ที่เป็นภาษาอังกฤษ อาจจะไม่ต้องเข้าใจทุกอย่างทุกคำ แต่อย่างน้อยมันช่วยให้เราได้ฝึกฝน ได้เรียนรู้ว่าคำไหนเขียนยังไง สะกดยังไง แต่ละประโยคใช้คำแบบไหน ยังไง และถ้าจะให้ดีก็ควรอ่านเป็นหนังสือ ที่มีฉบับแปลควบคู่กันจะช่วยให้เราเข้าใจและพัฒนาทักษะได้ไวมากขึ้น ถามว่าตอนเด็กๆ ผู้เขียนเคยอ่านฉบับแปลควบคู่ไหม ตอบเลยว่าไม่ คือถ้ารู้ตั้งแต่ตอนนั้นก็คงดี     

                   ตอนเด็กๆ ชอบเปิดพจนานุกรมอ่านเล่น โตมาถึงรู้ว่า อืมม์ มันก็ดีเหมือนกันนะ ใครจะลองดูก็ไม่หวงนะ อ่านพจนานุกรม ช่วยให้รู้ความหมายของคำ รู้หน้าที่ของคำแต่ละคำ มีตัวอย่างประโยคให้ด้วย ได้รู้ว่า แต่ละคำใช้ยังไงในประโยค เป็นต้น

4. ขยันเขียน
                   การเขียนในที่นี้นั้นไม่ได้หมายความว่า จะต้องเขียนเป็นเรียงความ เขียนเป็นเรื่องเป็นราว เป็นหน้าๆ แต่อาจจะขึ้นอยู่กับพื้นฐานทางด้านทักษะของแต่ละคนด้วย อย่างที่ได้บอกไปแล้วว่าการอ่านมากๆ จะช่วยในการพัฒนาทักษะการเขียนของเราด้วย อาจจะเริ่มจากการเขียนประโยคง่ายๆ หัดแต่งประโยคง่ายๆ ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์และการอ่านมากๆ ถึงจะรู้ว่าประโยคไหนควรเขียนแบบไหน เพราะเรื่องการเขียนมีรายละเอียดที่ต้องพูดถึงเยอะมาก เพราะจะมีเรื่องของไวยากรณ์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งผู้เขียนเอง เกลียดไวยากรณ์มาก พูดเลย(ฮ่าๆ) 

                    สรุปคือ การเขียนนั้น นอกจากเรื่องของไวยากรณ์ (Grammar) ที่ต้องแน่นแล้ว การเขียนยังต้องคำนึงถึงระดับภาษาด้วย การเขียนจึงเป็นเรื่องที่รวมถึงการเลือกใช้คำ และอื่นๆ ซึ่งมีรายละเอียดที่ต้องลงลึกมาก จะขอไว้พูดถึงคราวหน้า (หน้า หน้า หน้า ไปอีกนู่นนน ฮ่าาา)


ตต.

                    ที่สำคัญคือ ปัจจุบันนี้ เราสามารถหาทุกอย่างได้จากอินเตอร์เน็ต ความรู้ถูกบรรจุอยู่ในอินเตอร์เน็ตถ้าเรารู้จักหา ไม่ต้องไปนั่งเรียนพิเศษ ไม่ต้องเสียเงินซื้อสื่อแพงๆมาฝึก ไม่ต้องบินไปฝึกภาษาถึงต่างประเทศก็เรียนภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไรก็ได้ในโลก นี้

                   สุดท้ายนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่สนใจบ้าง ไม่มากก็น้อย อาจจะมีตกหล่นไปบ้าง แต่เนื่องจากไม่อยากเขียนให้ยืดยาว (นี่ไม่ยาวหรอ) ยังไงก็แล้วแต่ขอเป็นกำลังใจให้กับผู้ที่สนใจอยากเรียนรู้ภาษาอังกฤษทุกท่าน อย่าลืมค่ะ ภาษาอังกฤษง่ายนิดเดียว (ที่เหลือยากหมดเลย อิอิ) อย่าลืมนะคะ การเรียนภาษาเป็นเรื่องของการฝึกฝน ถ้าอยากเก่งภาษา ก็ต้องหมั่นฝึกฝนนะคะ ^^ สู้ๆ!
                                     

ตต.                       


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม