แชร์ประสบการณ์: "ออฟฟิศซินโดรม"ภัยใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม

ชาวออฟฟิศน่าจะรู้จักกันสำหรับ "ออฟฟิศซินโดรม" หรืออาการปวดคอ ไหล่ หลัง ที่อาจเกิดจากการนั่งทำงานอยู่ในท่าเดิมนานๆ หรือท่านั่งที่ผิดท่าผิดทาง  ทำให้เกิดอาการปวด เมื่อย กล้ามเนื้ออักเสบ หรืออาการคล้ายๆ คอตกหมอน แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าเป็นออฟฟิศซินโดรม กว่าจะรู้ตัวอาการก็แย่แล้ว

 

ยกตัวอย่างจากประสบการณ์ตรงของตัวเอง เมื่อปีที่แล้ว จู่ๆ วันนึงลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าปุ้บ พบว่า ขยับตัวไม่ได้เลย เพราะเจ็บปวดที่ต้นคอมาก กอไก่ล้านตัว นอนลืมตานิ่งอยู่ท่านั้นนานมาก กระดุกกระดิกไม่ได้เลย กว่าจะขยับตัวลุกขึ้นมาได้คือ เจ็บปวดทรมานมาก เดินคอแข็ง กรอกได้แต่ลูกกะตา เคลื่อนไหวตัวลำบากมากเพราะเจ็บร้าวไปหมด สุดท้ายทนไม่ไหวเลยต้องไปโรงพยาบาล หมอบอกว่ากล้ามเนื้ออักเสบ ให้ยามากิน รอดูอาการ 1 สัปดาห์ ถ้าไม่หายต้องทำกายภาพบำบัด

พอได้ยินคำว่า "กายภาพบำบัด" คือตกใจมาก นี่ต้องขนาดนั้นเลยหรือ แต่ปรากฎว่ากินยาไม่ถึงอาทิตย์ ไม่ไหวแล้ว เจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน นั่งก็ไม่ได้ จะนอนก็ไม่ได้ นอนหงายก็เจ็บ นอนตะแคงก็เจ็บ พลิกตัวก็เจ็บ ขยับตัวทีก็เจ็บ จับช้อนตักข้าวกินยังเจ็บ คือทำอะไรก็เจ็บปวดไปหมด ทรมานมาก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนพิการ เจ็บจนไม่รู้จะทำยังไง นั่งร้องไห้มันซะเลย T^T


กายภาพบำบัด 

พอรู้สึกไม่ไหวแล้วจริงๆ เลยลองไปที่ คณะกายภาพบำบัด มหิดล พอไปถึงนักกายภาพถึงกับงงว่าทำไมอาการหนักขนาดนี้ แล้วก็ได้ทำการตรวจอาการเบื้องต้น กดจุด รักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ และประคบเย็นให้ แล้วทำนัดให้กลับไปทำกายภาพอีกครั้ง

สภาพก่อนและหลังพบนักกายภาพครั้งแรกนั้น คือเป็นคนละเรื่องเลย ตอนเดินเข้าไปคือคอแข็งเดินเป็นหุ่นยนต์เลย หุ่นยนต์ที่เดินช้าๆ เหมือนกลัวอะไหล่จะหลุด แต่ขากลับออกมาแทบจะเดินออกมาด้วยท่วงท่าเหมือนนางเอกเรื่อง the Sound Of Music ขณะกำลังกรีดกรายอยู่ในทุ่งหญ้า คือตัวเบามาก รู้สึกตายแล้วเกิดใหม่ ยิ้มออกในรอบเกือบสัปดาห์ ไม่ได้หายเจ็บเป็นปลิดทิ้งนะ แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมากกก สบายตัวขึ้นเยอะมาก สามารถเดินเหิน เคลื่อนไหวร่างกายได้สะดวกขึ้น
หลังกลับมาวันนั้น นักกายภาพแนะนำให้ประคบเย็นที่คอ เพราะกล้ามเนื้อบริเวณต้นคอไปถึงไหล่หลังที่กล้ามเนื้ออักเสบนั้น ใช้คำว่า ร้อนมาก นักภายภาพยังแนะนำให้ปรับเปลี่ยนการนั่ง การนอน หมอนต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป ห้ามใช้หมอนเพื่อสุขภาพเด็ดขาด นักภาพเน้นย้ำเรื่องนี้มาก หลายคนเข้าใจผิดว่าดีต่อสุขภาพ แต่นักกายภาพบอกว่าคนไข้ส่วนหนึ่งที่มารักษามักมีสาเหตุมาจากการใช้หมอนเพื่อสุขภาพ และแนะนำให้เลิกใช้กระเป๋าสะพายข้าง ให้ใช้กระเป๋าสะพายหลัง เพราะการสะพายกระเป๋าที่หนักข้างเดียวก็ส่งผลเสียได้เหมือนกัน และหลีกเลี่ยงการนั่งทำงานกับที่นานๆ ให้ลุกเดินเปลี่ยนอิริยาบถบ้าง

หลังจากนั้นต้องกลับไปทำกายภาพบำบัด รักษาด้วยคลื่นอัลตราซาวนด์ และทำการประคบร้อน-เย็น ตามอาการ โดยไปตามนัดทั้งหมด 3 ครั้ง ซึ่งรวมระยะเวลาทั้งหมดตั้งแต่ไปครั้งแรก จนถึงครั้งสุดท้ายคือ 6 วัน นอกจากคำแนะนำข้างบนแล้วนักกายภาพยังได้กำชับให้ทำท่ากายบริหารที่สอนให้ต่อไป เพราะอาจจะมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก แต่...ทำได้แค่ไม่กี่วันก็เลิกทำไป และไม่นานก็ลืมท่าหมดเลย แหะๆ

ระยะที่อยู่ในช่วงต้องทำกายภาพบำบัดที่ร่างกายยังไม่หายดีนี่ แทบจะเรียกได้ว่า เดินตัวแข็งคอแข็ง ดูหยิ่งมากช่วงนั้น ใครคุยด้วยก็หน้าตรงตลอดเวลา หันได้แต่ลูกกะตา กว่าจะหันไปได้ก็ช้ามาก เคยเดินเร็วๆ ก็ทำได้แค่เดินช้าๆ เคลื่อนไหวตัวช้าๆ กลายเป็นคนที่นิ่งสุขุมมากๆ และยังระแวดระวังผู้คนไปหมด กลัวโดนชน ต้องคอยระวังการลุกนั่ง การนอน ทุกอย่าง เป็นอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหายดี 

แต่แล้วผลจากการไม่เชื่อฟังนักกายภาพ ยังคงใช้กระเป๋าสะพายข้างที่หนักราว 5 กิโล (มั้ง) จากสัมภาระ และชอบนั่งอยู่กับที่นานๆ ที่สำคัญคือไม่บริหารร่างกายตามท่าที่แนะนำ ปรากฎว่า ณ ตอนนี้ อาการเริ่มกำเริบอีกแล้ว คอแข็ง เวลาหันซ้ายขวารู้สึกฝืดๆ เหมือนบานประตูไม่ได้หยอดน้ำมัน บางครั้งมีเสียงเอี้ยดอ้าดเบาๆ ที่หนักกว่านั้น คือ วันนึงตื่นขึ้นมาปวดต้นคออีกแล้ว เจ็บบริเวณเดิมที่เคยเป็น ถึงอาการจะไม่หนักเท่าเดิมแต่ก็สร้างความเจ็บปวดไม่แพ้กัน ต้องกินยาคลายกล้าเนื้อ ประคบเย็น ร่วมด้วยการฉีดสเปรย์คลายกล้ามเนื้ออยู่หลายวันกว่าจะค่อยๆ ดีขึ้น กลัวมากว่าจะต้องได้กลับไปหานักภายภาพอีก ถึงจะประทับใจมากแค่ไหนก็ไม่ขอกลับไปดีกว่า

ถึงการทำกายภาพในเคสแบบนี้จะไม่ใช่เรื่องน่ากลัว (อย่างที่คิดไว้ในตอนแรก) แน่นอนตอนทำท่ากายภาพต่างๆ มันเจ็บบ้าง แต่มันก็ช่วยทำให้อาการที่เป็นอยู่ดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากกลับไปหานักกายภาพอีก แหงล่ะ ใครจะอยากไป มันไม่สนุกเลย ถึงจะแอบสนุกอยู่ก็เถอะ หุๆ

อยากฝากไว้สำหรับชาวออฟฟิศ หรือคนที่ต้องนั่งทำงานอยู่กับที่นานๆ พยายามเปลี่ยนอริยาบถบ่อยๆ หาเวลาออกกำลังอยู่เสมอ ดูแลสุขภาพกันด้วยนะคะ ถ้าต้องเจ็บขึ้นมา มันไม่คุ้มเลย เสียทั้งเงิน เสียทั้งเวลา และถ้าเกิดอาการต่างๆ ขึ้นมา อย่านิ่งนอนใจนะคะ รีบไปปรึกษาคุณหมอ เพราะถ้าปล่อยไว้นาน การรักษาจะยิ่งยากและต้องใช้เวลามาก หรืออาการอาจจะร้ายแรงกว่าที่ยกตัวอย่างมาก็ได้นะคะ

และฝากถึงใครที่มีเพื่อนๆ ครอบครัว หรือคนรู้จักที่มีอาการออฟฟิศซินโดรม หรืออาการที่จำเป็นต้องทำกายภาพบำบัด ขอแนะนำที่คณะกายภาพบำบัด ของมหาวิทยามหิดลนะคะ โดยเฉพาะที่เชิงสะพานพระปิ่นเกล้า รู้สึกจะมีสองที่ อีกที่หนึ่งจะเป็นที่ศาลายา ที่นี่นักกายภาพน่ารักมากๆ จนท.ก็น่ารัก บริการดี รอคิวแป้บเดียว แป้บเดียวจริงๆ แทบไม่ต้องรอเลย เพราะมีนักภายภาพคอยดูแลเยอะ มีเตียงไว้บริการเยอะด้วย ประทับใจมากค่ะ แต่ถ้าเป็นไปได้ก็ขออย่าให้มีใครต้องได้ไปใช้บริการที่นี่เลยโนะ

หันมาดูแลสุขภาพร่างกายกันตั้งแต่วันนี้ดีกว่า เพราะการดูแล ง่ายกว่าการรักษา 

เชื่อหมอ หมอเรียนมา(หมอลำ)


ตต.


ความคิดเห็น

บทความที่ได้รับความนิยม