ผีตู้เย็น
หลายสิบปีที่แล้ว
ณ ตึกแถวปูนสองชั้นท้ายหมู่บ้าน ครอบครัวหนึ่งที่เคยอาศัยอยู่กันอย่างสงบสุขก็ต้องพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด เมื่อกลางดึกคืนหนึ่ง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในบ้านแบบที่ไม่สามารถหาที่มาได้ เสียงนั้นดังขึ้นบริเวณเหนือเพดานชั้นสอง คล้ายมีของหนักถูกโยนกลิ้งอยู่บนเพดาน ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
นานวันเข้าทั้งครอบครัวก็เริ่มตกอยู่ในอาการหวาดผวา แม้แต่เวลากลางวันเสียงนั้นก็ยังคงดังหลอกหลอน ทุกครั้งที่มีเสียงนั้นดังขึ้นทุกคนจะมีอาการตื่นตระหนก ไม่มีใครกล้าขึ้นไปพักอาศัยบนชั้นสอง เพื่อนบ้านที่ต่างมาเยี่ยมเยียนหลังจากได้ข่าวคราว ก็ได้ยินและพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความน่ากลัวของเสียงปริศนานั้น
เสียงที่ดังประหนึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งความไม่พอใจ ความโกรธเกรี้ยว ของใครสักคนบนนั้น ทุกครั้งที่เสียงนั้นดังขึัน ทุกคนจึงได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร กลัวจะยิ่งไปกระตุ้นให้ใครบางคนบนนั้นไม่พอใจมากขึ้นไปอีก ก็...เป็น...ได้
และหลังจากต้องตกอยู่ในอาการหวาดกลัวกันนานนับเดือน จู่ๆ เย็นวันนึง ผู้เป็นพ่อก็ได้เดินผ่านตู้เย็นเก่าที่ตั้งอยู่ในครัว และสังเกตุเห็นความผิดปกติบางอย่าง
ตู็เย็นซิงเกอร์รุ่นโบราณถูกตั้งติดกับผนัง "ใครมาดันตู้เย็นติดผนังเนี่ย บอกกี่ทีละให้ตั้งห่างๆ ผนัง"
เขารำพึงในใจ พลางพินิจพิเคราะห์ตู้เย็นอยู่ครู่หนึ่ง สภาพของตู้เย็นเปลี่ยนไปมากจากวันแรกที่ซื้อมา เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดมันช้าๆ
ขณะที่กำลังพิจารณาตู้เย็นอยู่นั้น ตู้เย็นก็เกิดตัดไฟขึ้นมาพอดี แล้วทันใดนั้นเองเสียงปริศนาที่สร้างความหวาดกลัวให้คนทั้งบ้านรวมถึงเพื่อนบ้างใกล้เคียงก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นที่ชั้นบนอีกครั้ง
"ตึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
ทุกคนต่างนิ่งฟัง
เขายืนนิ่ง ฟังเสียงนั้น เสียงที่เขาได้ยินมานานนับเดือน เสียงที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวหวาดกลัว
เขาหันกลับมาที่ตู้เย็นอีกครั้ง ตู้เย็นที่เขาเปิดค้างอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ปิด แล้วออกแรงขยับตู้เย็นออกมาให้ห่างจากผนัง
แล้วก็รอคอย รอคอยให้ตู้เย็นตัดไฟอีกครั้ง
และแล้ว...ตู้เย็นก็ตัดไฟ!
....เงียบ....
ไม่มีเสียงดังสนั่นที่ชั้นสอง
และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเสียงปริศนาบนชั้นสองอีกเลย
.........
ตต.
คำเตือน: ควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซน. มิฉะนั้นอาจเป็นเช่นนี้
ณ ตึกแถวปูนสองชั้นท้ายหมู่บ้าน ครอบครัวหนึ่งที่เคยอาศัยอยู่กันอย่างสงบสุขก็ต้องพบกับเหตุการณ์แปลกประหลาด เมื่อกลางดึกคืนหนึ่ง มีเสียงหนึ่งดังขึ้นภายในบ้านแบบที่ไม่สามารถหาที่มาได้ เสียงนั้นดังขึ้นบริเวณเหนือเพดานชั้นสอง คล้ายมีของหนักถูกโยนกลิ้งอยู่บนเพดาน ครั้งแล้ว ครั้งเล่า
นานวันเข้าทั้งครอบครัวก็เริ่มตกอยู่ในอาการหวาดผวา แม้แต่เวลากลางวันเสียงนั้นก็ยังคงดังหลอกหลอน ทุกครั้งที่มีเสียงนั้นดังขึ้นทุกคนจะมีอาการตื่นตระหนก ไม่มีใครกล้าขึ้นไปพักอาศัยบนชั้นสอง เพื่อนบ้านที่ต่างมาเยี่ยมเยียนหลังจากได้ข่าวคราว ก็ได้ยินและพูดเป็นเสียงเดียวกันถึงความน่ากลัวของเสียงปริศนานั้น
เสียงที่ดังประหนึ่งเป็นการแสดงออกซึ่งความไม่พอใจ ความโกรธเกรี้ยว ของใครสักคนบนนั้น ทุกครั้งที่เสียงนั้นดังขึัน ทุกคนจึงได้แต่นิ่งเงียบ ไม่มีใครกล้าพูดอะไร กลัวจะยิ่งไปกระตุ้นให้ใครบางคนบนนั้นไม่พอใจมากขึ้นไปอีก ก็...เป็น...ได้
และหลังจากต้องตกอยู่ในอาการหวาดกลัวกันนานนับเดือน จู่ๆ เย็นวันนึง ผู้เป็นพ่อก็ได้เดินผ่านตู้เย็นเก่าที่ตั้งอยู่ในครัว และสังเกตุเห็นความผิดปกติบางอย่าง
ตู็เย็นซิงเกอร์รุ่นโบราณถูกตั้งติดกับผนัง "ใครมาดันตู้เย็นติดผนังเนี่ย บอกกี่ทีละให้ตั้งห่างๆ ผนัง"
เขารำพึงในใจ พลางพินิจพิเคราะห์ตู้เย็นอยู่ครู่หนึ่ง สภาพของตู้เย็นเปลี่ยนไปมากจากวันแรกที่ซื้อมา เขาค่อยๆ เอื้อมมือไปเปิดมันช้าๆ
ขณะที่กำลังพิจารณาตู้เย็นอยู่นั้น ตู้เย็นก็เกิดตัดไฟขึ้นมาพอดี แล้วทันใดนั้นเองเสียงปริศนาที่สร้างความหวาดกลัวให้คนทั้งบ้านรวมถึงเพื่อนบ้างใกล้เคียงก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นที่ชั้นบนอีกครั้ง
"ตึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
ทุกคนต่างนิ่งฟัง
เขายืนนิ่ง ฟังเสียงนั้น เสียงที่เขาได้ยินมานานนับเดือน เสียงที่ทำให้ทุกคนในครอบครัวหวาดกลัว
เขาหันกลับมาที่ตู้เย็นอีกครั้ง ตู้เย็นที่เขาเปิดค้างอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ปิด แล้วออกแรงขยับตู้เย็นออกมาให้ห่างจากผนัง
แล้วก็รอคอย รอคอยให้ตู้เย็นตัดไฟอีกครั้ง
และแล้ว...ตู้เย็นก็ตัดไฟ!
....เงียบ....
ไม่มีเสียงดังสนั่นที่ชั้นสอง
และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ก็ไม่เคยมีผู้ใดได้ยินเสียงปริศนาบนชั้นสองอีกเลย
.........
ตต.
คำเตือน: ควรตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังอย่างน้อย 15 เซน. มิฉะนั้นอาจเป็นเช่นนี้
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น